Browse By

โครงเรื่อง Red Alert: เมื่อสงครามเปลี่ยนทิศเพราะไอน์สไตน์ย้อนเวลา

โครงเรื่อง Red Alert: เมื่อสงครามเปลี่ยนทิศเพราะไอน์สไตน์ย้อนเวลา บทนำ: จุดเริ่มต้นของเส้นเวลาที่ไม่ควรมีอยู่ โครงเรื่อง Red Alert ไม่มีกลุ่มผู้เล่นเกม RTS กลุ่มใดไม่รู้จัก Red Alert หนึ่งในเกมที่เส้นเรื่องถือว่า “โคตรบ้าบิ่นแต่ทรงพลัง” ที่สุดของวงการ เพราะมันไม่ได้เริ่มต้นจากสงครามระหว่างประเทศธรรมดา แต่เริ่มจากการที่ Albert Einstein ย้อนเวลากลับไปแก้ประวัติศาสตร์โลกด้วยตัวเอง และนี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่นำไปสู่สงครามใหม่ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ เส้นเรื่องของ Red Alert คือหนึ่งในโครงเรื่องที่ผู้เล่นทั่วโลกยังคงพูดถึงจนถึงปัจจุบัน ไม่ใช่เพราะมันเว่อร์ แต่เพราะมัน “มีความเป็นไปได้เชิงตรรกะทางวิทยาศาสตร์บางอย่าง” และสะท้อนให้เห็นว่า แม้เราจะแก้ปัญหาหนึ่งได้ แต่ผลลัพธ์ใหม่ที่เกิดขึ้นอาจเลวร้ายกว่าเดิมหลายเท่า บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกถึง: 1. จุดเริ่มต้น: ไอน์สไตน์ย้อนเวลาเพื่อหยุดสงครามโลกครั้งที่สอง โครงเรื่อง Red Alert 1.1 ความตั้งใจที่ดูเหมือนดีของ Einstein ในจักรวาลของ Red

จุดกำเนิด Command & Conquer: Red Alert

จุดกำเนิด Command & Conquer: Red Alert – ทำไมถึงกลายเป็นตำนาน RTS เบอร์หนึ่งของโลก บทนำ: จากเกมสงครามเล็ก ๆ สู่รากฐานของ RTS โลก RTS เบอร์หนึ่งของโลก ถ้าพูดถึงเกมวางแผนแบบ Real-Time Strategy หรือ RTS ที่กลายเป็น “ตัวพ่อ” ของวงการ คงไม่มีใครไม่รู้จัก Command & Conquer: Red Alert ตำนานที่สร้างโดย Westwood Studios เมื่อปี 1996 เกมที่รวมทุกเสน่ห์ของสงครามเย็น เทคโนโลยีเหนือยุค การบังคับกองทัพแบบเรียลไทม์ และเพลงประกอบโคตรเดือดจนลูกหลานยังเปิดฟังในปี 2025 เกมนี้ไม่ได้เป็นแค่ RTS ที่ขายดี

โอเดการ์ด ส่อแววพักจนพ้นเกมทีมชาติเดือนพ.ย.

ข่าวร้ายของแฟนบอล “เดอะกันเนอร์ส” ดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีรายงานจากสื่ออังกฤษหลายสำนักระบุตรงกันว่า มาร์ติน โอเดการ์ด กัปตันทีมคนสำคัญของ อาร์เซน่อล มีแนวโน้มสูงที่จะต้องพักยาวไปจนพ้นโปรแกรมทีมชาติในเดือนพฤศจิกายนนี้ หลังจากยังไม่สามารถฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าได้เต็มร้อย ทำให้เจ้าตัวพลาดลงสนามช่วยทีมในช่วงโปรแกรมสำคัญทั้งในพรีเมียร์ลีกและศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ขณะที่มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีม ยืนยันว่าจะไม่เสี่ยงส่งเขาลงเล่นจนกว่าจะหายขาด เพื่อป้องกันการบาดเจ็บซ้ำที่อาจส่งผลระยะยาวต่อฟอร์มของนักเตะ อาการบาดเจ็บของโอเดการ์ดเริ่มต้นจากจังหวะปะทะระหว่างเกมที่อาร์เซน่อลพบกับเชลซีในช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งแม้ในตอนแรกดูเหมือนเป็นเพียงอาการเจ็บเล็กน้อย แต่หลังจากเข้ารับการตรวจโดยทีมแพทย์กลับพบว่ามีการอักเสบภายในข้อเท้าซ้าย ทำให้ต้องพักรักษาตัวและเข้ากระบวนการฟื้นฟูต่อเนื่อง ปัญหานี้ทำให้เขาพลาดลงสนามไปหลายเกมติดต่อกัน และล่าสุดมีรายงานว่าเจ้าตัวอาจจะต้องพักต่อเนื่องจนกว่าจะพ้นช่วงโปรแกรมทีมชาติในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งหมายความว่าแฟนบอลอาจจะยังไม่เห็นเขากลับมาลงสนามจนกว่าศึกพรีเมียร์ลีกจะกลับมาเตะอีกครั้งในเดือนธันวาคม สำหรับอาร์เซน่อล การขาดโอเดการ์ดถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเขาเป็นหัวใจของเกมรุกและเป็นคนคุมจังหวะเกมในแดนกลางของทีม นับตั้งแต่ย้ายมาจากเรอัล มาดริดเมื่อปี 2021 เพลย์เมกเกอร์ชาวนอร์เวย์รายนี้ก็กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญที่ช่วยยกระดับสโมสรให้กลับมาเป็นทีมลุ้นแชมป์อีกครั้ง สไตล์การเล่นของเขาที่เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ การมองเห็นพื้นที่ในเกม และความเยือกเย็นในการตัดสินใจทำให้เขาเป็นเหมือน “มันสมอง” ของทีมในสนาม ในฤดูกาลนี้ โอเดการ์ดยังคงรักษามาตรฐานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยทำประตูและแอสซิสต์ได้อย่างต่อเนื่องในช่วงต้นฤดูกาล จนได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีก แต่เมื่ออาการบาดเจ็บเล่นงาน ทุกอย่างก็เริ่มสะดุด แม้อาร์เตต้าจะพยายามโรเตชันผู้เล่นและปรับระบบเพื่อไม่ให้ทีมเสียสมดุล แต่การขาดกัปตันทีมก็ส่งผลอย่างเห็นได้ชัด เกมรุกของอาร์เซน่อลขาดความไหลลื่น

เชลซี แสดงความสนใจ โรนัลด์ อาเราโฮ

ตลาดนักเตะของยุโรปยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในอังกฤษที่หลายสโมสรเริ่มขยับเพื่อเตรียมเสริมทัพก่อนเปิดฤดูกาลใหม่ มีรายงานว่า เชลซี สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แสดงความสนใจคว้าตัว โรนัลด์ อาเราโฮ ปราการหลังทีมชาติอุรุกวัยของ บาร์เซโลน่า มาร่วมทีม เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในแนวรับที่ยังมีปัญหาเรื่องความแน่นอนและความต่อเนื่องมาตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา ข่าวลือนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนบอลทั้งสองฝั่งทันที เพราะอาเราโฮถือเป็นหนึ่งในกองหลังที่ได้รับการยกย่องว่ายอดเยี่ยมที่สุดในยุโรป ณ เวลานี้ และการที่เชลซีพร้อมจะลงทุนเพื่อคว้าเขามา อาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ในแผงหลังของทีมจากลอนดอน ในฤดูกาลที่ผ่านมา แนวรับของเชลซีต้องเจอกับปัญหามากมาย ทั้งอาการบาดเจ็บของผู้เล่นหลักอย่างติอาโก้ ซิลวา, เวสลีย์ โฟฟาน่า และเบอนัวต์ บาเดียชิล รวมถึงฟอร์มการเล่นที่ไม่คงเส้นคงวาของกองหลังดาวรุ่งหลายคน ซึ่งส่งผลให้ทีมเสียประตูในจังหวะง่าย ๆ หลายครั้ง ความผิดพลาดเหล่านี้ทำให้บอร์ดบริหารมองว่าการหากองหลังตัวใหม่ที่มีทั้งประสบการณ์ในระดับสูงและบุคลิกความเป็นผู้นำคือสิ่งจำเป็น และชื่อของโรนัลด์ อาเราโฮจึงถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ เพราะเขาเป็นนักเตะที่มีทั้งความแข็งแกร่ง ความเร็ว และความเป็นผู้นำในแนวรับ อาเราโฮ วัย 25 ปี ย้ายจากบอสตัน ริเวอร์ ในอุรุกวัยมาร่วมทีมบาร์เซโลน่าตั้งแต่ปี

วิเคราะห์เกม ทีมชาติตุรกี -ทีมชาติจอร์เจีย

เกมที่สนามตุรกี เทเลคอม อารีนา เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ระหว่าง ทีมชาติตุรกี พบกับ ทีมชาติจอร์เจีย กลายเป็นหนึ่งในแมตช์ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดของฟุตบอลยุโรปในสัปดาห์นี้ เพราะทั้งสองทีมต่างอยู่ในช่วงขาขึ้นและต้องการพิสูจน์ศักยภาพของตนเองต่อสายตาแฟนบอล การเผชิญหน้าครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นบททดสอบทางแท็กติกของทั้งสองกุนซือ แต่ยังสะท้อนถึงความก้าวหน้าในแง่โครงสร้างทีมและบุคลิกของนักเตะยุคใหม่ที่เริ่มกลายเป็นแกนหลักของชาติ เกมนี้เต็มไปด้วยความเข้มข้นตั้งแต่นาทีแรกจนจบ 90 นาที และมีจังหวะที่น่าจดจำมากมายที่ทำให้แฟนบอลทั่วโลกพูดถึงอย่างไม่ขาดสาย ตั้งแต่เสียงนกหวีดเริ่มต้น ทั้งสองทีมต่างเลือกเปิดเกมรุกทันทีโดยไม่รอจังหวะเหมือนที่หลายคนคาดไว้ ตุรกีภายใต้การคุมทีมของวินเซนโซ มอนเตลล่า กุนซือชาวอิตาเลียนที่มีแนวคิดเน้นเกมเพรสซิ่งสูงและการเล่นฟุตบอลเชิงเทคนิค ยังคงใช้ระบบ 4-2-3-1 ที่เน้นการขึ้นเกมจากแดนกลางเป็นหลัก โดยมี ฮาคาน ชัลฮาโนกลู เป็นตัวเดินเกม ส่วนแนวรุกใช้ เคนาน ยิลดิซ ดาวรุ่งจากยูเวนตุส และ อาร์ดา กูเลอร์ จากเรอัล มาดริด คอยปั้นเกมอยู่หลังหัวหอกอย่าง เอเนส อูนัล ในขณะที่จอร์เจียของวิลลี ซาญอล เน้นเกมสวนกลับและใช้ความเร็วของ ควิชา ควารัตสเคเลีย

วิเคราะห์เกม ทีมชาติสเปน -ทีมชาติบัลแกเรีย

เกมฟุตบอลนัดอุ่นเครื่องระหว่าง ทีมชาติสเปน และ ทีมชาติบัลแกเรีย กลายเป็นอีกหนึ่งแมตช์ที่ได้รับความสนใจจากแฟนบอลทั่วยุโรป เพราะเป็นเกมที่ทั้งสองทีมใช้ในการทดสอบระบบและนักเตะก่อนเข้าสู่โปรแกรมสำคัญในปีหน้า แม้จะเป็นเกมที่ดูเหมือนไม่มีเดิมพัน แต่ในสนามกลับเต็มไปด้วยความเข้มข้นและแท็กติกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะฝั่งสเปนของหลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ ที่ยังคงแสดงให้เห็นถึงสไตล์การครองบอลแบบ “ติ๊กตักต็อก” อันเป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานกับพลังของผู้เล่นรุ่นใหม่ที่กำลังผลิบาน ในขณะที่บัลแกเรียแม้ชื่อชั้นจะเป็นรอง แต่ก็แสดงให้เห็นถึงการเตรียมทีมที่ละเอียดและการเล่นเกมรับที่เป็นระบบมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เกมดังกล่าวกลายเป็นบททดสอบที่มีคุณค่าต่อทั้งสองฝ่ายอย่างแท้จริง ก่อนเกมเริ่มขึ้น หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าสเปนจะสามารถครองเกมได้อย่างเบ็ดเสร็จ เนื่องจากมีศักยภาพของผู้เล่นที่เหนือกว่าเกือบทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะแดนกลางที่ประกอบด้วยนักเตะระดับท็อปของยุโรปอย่าง โรดรี, เปดรี และนิโก้ วิลเลียมส์ ขณะที่แดนหน้ามีอัลบาโร่ โมราต้า ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า ส่วนบัลแกเรียภายใต้การคุมทีมของอีวาน อิวานอฟ ตั้งใจจะเน้นเกมรับแน่นและรอจังหวะสวนกลับ โดยฝากความหวังไว้กับคิริล เดสปอดอฟ กองหน้าจอมสปีดที่กำลังทำผลงานได้ดีในลีกตุรกี เสียงนกหวีดแรกดังขึ้น และทันทีที่บอลเริ่มกลิ้ง การครองเกมของสเปนก็เป็นไปตามที่ทุกคนคาดไว้ พวกเขาเริ่มต้นด้วยการคุมบอลสูงกว่า 70% ในช่วง 15 นาทีแรก การต่อบอลสั้นเร็วในพื้นที่แคบของสเปนยังคงสร้างความปั่นป่วนให้แนวรับบัลแกเรียอย่างต่อเนื่อง

ทูดอร์ ชั่งน้ำหนักปรับระบบใช้คู่หน้าเดวิด-วลาโฮวิช

ความเคลื่อนไหวในถิ่นอัลลิอันซ์ สเตเดี้ยม ยังคงเป็นที่จับตามองของแฟนบอลอิตาเลียนอย่างใกล้ชิด เมื่อ อีโก้ร์ ทูดอร์ กุนซือของ ยูเวนตุส กำลังพิจารณาปรับระบบการเล่นใหม่ เพื่อใช้คู่กองหน้าร่วมกันระหว่าง โจนาธาน เดวิด และ ดูซาน วลาโฮวิช สองหัวหอกที่กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มร้อนแรง การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นการชั่งน้ำหนักทางแท็กติกที่อาจพลิกโฉมเกมรุกของ “ม้าลายแห่งตูริน” จากทีมที่เน้นเกมรับเหนียวแน่นมาเป็นทีมที่มีความดุดันและหลากหลายมากขึ้นในแดนหน้า ซึ่งอาจเป็นก้าวสำคัญของสโมสรในการกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา และเวทียุโรป นับตั้งแต่ทูดอร์เข้ามาคุมทีมแทนมัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี ยูเวนตุสก็เริ่มปรับทิศทางของทีมให้มีความสมดุลมากขึ้นจากเดิมที่เน้นรับแน่นและสวนกลับเร็ว มาเป็นทีมที่พยายามครองบอลและเปิดเกมรุกได้ต่อเนื่องมากขึ้น ทูดอร์ถือเป็นโค้ชที่มีแนวคิดสมัยใหม่และไม่กลัวที่จะปรับแท็กติกให้เข้ากับศักยภาพของนักเตะ โดยเฉพาะเมื่อมีการเสริมทัพด้วยโจนาธาน เดวิด ดาวยิงทีมชาติแคนาดาที่เพิ่งย้ายมาจากลีลล์ในฝรั่งเศส และกำลังสร้างความประทับใจในการฝึกซ้อมจนทำให้โค้ชชาวโครแอตเริ่มคิดถึงการจับคู่เขากับวลาโฮวิช ในอดีต ยูเวนตุสมักใช้ระบบกองหน้าตัวเดียวเพื่อรักษาความมั่นคงของแดนกลาง โดยเฉพาะในยุคอัลเลกรีที่นิยมใช้แผน 3-5-1-1 หรือ 4-3-3 ที่มีศูนย์หน้าเพียงคนเดียว เช่น วลาโฮวิช หรือมอยเซ่ คีน ทว่าทูดอร์กลับมองว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน ทีมจำเป็นต้องเพิ่มพลังเกมรุกและลดการพึ่งพากองกลางมากเกินไป

อเลสซานโดร บาสโตนี่ กลับไปรายงานตัวกับต้นสังกัด อินเตอร์ มิลาน

หลังเสร็จสิ้นภารกิจกับทีมชาติอิตาลีในการลงแข่งขันฟุตบอลรอบคัดเลือกยูโร 2026 ล่าสุด อเลสซานโดร บาสโตนี่ ปราการหลังจอมแกร่งของ อินเตอร์ มิลาน ได้กลับมารายงานตัวกับต้นสังกัดเป็นที่เรียบร้อย ท่ามกลางความคาดหวังของแฟนบอล “งูใหญ่” ที่รอคอยให้เขากลับมาช่วยทีมในช่วงโปรแกรมสำคัญของฤดูกาล บาสโตนี่ถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในแนวรับของอินเตอร์ ภายใต้ระบบหลังสามที่ ซิโมเน่ อินซากี้ ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการกลับมาของเขาในเวลานี้ถือเป็นข่าวดีที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับทีมอย่างมาก บาสโตนี่เพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจทีมชาติที่ค่อนข้างหนักหน่วง หลังจากลงสนามให้กับอิตาลีในเกมที่ต้องต่อสู้กับคู่แข่งระดับสูงในยุโรป แม้จะไม่ได้ลงเล่นครบทุกนาที แต่ผลงานของเขายังคงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง การอ่านเกมที่แม่นยำ และความนิ่งในจังหวะกดดัน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ทำให้เขากลายเป็นกำลังหลักของทีมชาติในยุคใหม่ภายใต้การคุมทีมของลูชาโน่ สปัลเล็ตติ การกลับมาที่ศูนย์ฝึกซ้อมของอินเตอร์ในครั้งนี้ บาสโตนี่ได้รับการต้อนรับจากเพื่อนร่วมทีมและสตาฟฟ์โค้ชอย่างอบอุ่น เพราะเขาเป็นหนึ่งในเสาหลักที่ขาดไม่ได้ของทีม ในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา บาสโตนี่มีบทบาทสำคัญในการพาอินเตอร์ มิลาน กลับมายิ่งใหญ่ทั้งในเซเรีย อา และเวทียุโรป การเล่นของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและความเข้าใจในระบบสามเซนเตอร์ ซึ่งต้องอาศัยการประสานงานอย่างแม่นยำกับเพื่อนร่วมแนวรับอย่าง สเตฟาน เดอ ไฟรจ์ และฟรานเชสโก้ อาแชร์บี้ ความสามารถของเขาในการพาบอลขึ้นจากแนวหลังและเปิดเกมรุกได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้อินเตอร์กลายเป็นหนึ่งในทีมที่มีเกมรับดีที่สุดในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยืนตำแหน่งของบาสโตนี่ที่ช่วยให้ทีมสามารถคุมจังหวะเกมได้อย่างแน่นอน บาสโตนี่เริ่มต้นอาชีพกับสโมสรปาร์ม่า

วิทยาศาสตร์การกีฬา ฟิสิกส์ของการกระโดดสูง

วิทยาศาสตร์การกีฬา ฟิสิกส์ของการกระโดดสูง มุมวิ่ง ความเร็ว และแรงโน้มถ่วง บทนำ: เมื่อวิทยาศาสตร์อยู่เบื้องหลังการก้าวข้ามคาน กีฬากระโดดสูงไม่ได้อาศัยเพียงพละกำลังหรือความกล้า แต่ทุกการเคลื่อนไหวมีรากฐานมาจาก หลักฟิสิกส์และชีวกลศาสตร์ (Biomechanics) ตั้งแต่มุมการวิ่งเข้าหาคาน ความเร็วที่ใช้ในการเร่ง ไปจนถึงการต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงของโลก การเข้าใจ “วิทยาศาสตร์การกีฬา” คือกุญแจที่จะทำให้นักกีฬาพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดด 1. มุมวิ่งเข้าสู่คาน (Approach Angle) ฟิสิกส์ของการวิ่งโค้ง หลักการแรงเหวี่ยง ตัวอย่างเชิงวิทยาศาสตร์ 2. ความเร็ว (Velocity) บทบาทของความเร็ว ฟิสิกส์การแปลงพลังงาน ข้อสังเกต 3. แรงโน้มถ่วง (Gravity) บทบาทของแรงโน้มถ่วง การจัดการกับศูนย์ถ่วง (Center of Mass) ฟิสิกส์ของเวลาลอยตัว 4. การบูรณาการปัจจัยทั้งสาม นี่คือสมการที่สมบูรณ์ของนักกระโดดสูงระดับโลก ตาราง: ปัจจัยฟิสิกส์ของการกระโดดสูง ปัจจัย

การแข่งขันกระโดดสูงในเอเชียนเกมส์และซีเกมส์

การแข่งขันกระโดดสูงในเอเชียนเกมส์และซีเกมส์ บทนำ: เวทีกรีฑาของทวีปและภูมิภาค กีฬากระโดดสูงไม่ใช่แค่ชนิดกีฬาที่โดดเด่นในโอลิมปิก แต่ยังมีความสำคัญใน เอเชียนเกมส์ และ ซีเกมส์ ที่ถือเป็นเวทีแห่งเกียรติยศของนักกีฬาจากเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับหลายประเทศ นี่คือโอกาสสำคัญในการแสดงศักยภาพ สร้างชื่อเสียง และพัฒนาสถิติใหม่ ๆ ที่อาจนำไปสู่เวทีโลก กระโดดสูงในเอเชียนเกมส์ ประวัติและพัฒนาการ สถิติที่น่าจดจำ บทบาทของชาติเอเชีย กระโดดสูงในซีเกมส์ จุดเริ่มต้นของภูมิภาค สถิติและความสำเร็จของชาติอาเซียน ความหมายของเหรียญซีเกมส์ แม้จะไม่ใหญ่เท่าโอลิมปิกหรือเอเชียนเกมส์ แต่ซีเกมส์เป็นเหมือน “สนามสอบ” ที่ช่วยสร้างความมั่นใจ และพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาหนุ่มสาวในอาเซียน ตารางเปรียบเทียบสถิติกระโดดสูง (เอเชียนเกมส์ vs ซีเกมส์) รายการ ประเภท สถิติสูงสุด (เมตร) นักกีฬา ประเทศ ปี เอเชียนเกมส์ ชาย 2.35 Mutaz Essa Barshim